ชาวบ้านในหมู่บ้านชายฝั่งห่างไกลจากเมืองมาลีน คือคนที่มีวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ พวกเขามีการเกษตรแบบเลี้ยงสัตว์และปลูกผักแบบเป็นมือ วิถีชีวิตนี้จึงทำให้ชาวบ้านมีความสงบสุข และมีความสุขกว่าใคร
ในตอนที่สองของเรื่อง "เดจฉาของเบทบูม" จะเริ่มขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเบทบูมได้ตัดสินใจที่จะเดินทางตามคำแนะนำของภารกิจที่ได้รับ ซึ่งเขาต้องการที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับอดีตของครอบครัวของเขา
เบทบูมได้ไปให้ท่ายที่บ้านของบรอนท์กิบัน (ชาวบ้านที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอดีตและความลับ) เพื่อขอคำแนะนำ บรอนท์กิบันได้บอกเบทบูมว่าเขาต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านชายฝั่งเนื่องจากมีคำตอบเกี่ยวกับครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่น
เบทบูมจึงออกเดินทางตามที่บรอนท์กิบันแนะนำ ในระหว่างทางเขาได้พบกับมนุษย์เหล่านี้ที่ใช้กำลังเวทมนตร์ในการล่าสัตว์ เพื่อเป็นเนื้ออาหารในชีวิตประจำวัน เบทบูมจึงสงสารและขอร้องให้พวกเขาเลิกเจี้ยวเนื้อ แต่พวกเขาไม่ยอม
เมื่อเบทบูมเข้าถึงหมู่บ้านชายฝั่ง เขาได้พบกับคนที่มองดูอารมณ์ของเขาอย่างตรงที่สุดซึ่งเป็นคนที่ชื่อว่าโค้เมียร์ เขาจึงได้เป็นเพื่อนกับเบทบูม และช่วยเขาในการดำเนินการภารกิจของเบทบูม
ในท้าทายแรกของเบทบูม ที่สำคัญที่สุดที่ต้องผ่านคือการเอาคืนดาชาที่ตกอยู่ในมือกษัตริย์ ดาชานั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก และเป็นที่แรกที่ต้องได้รับภารกิจของเบทบูม
เพื่อระวังหลีและความตาย โค้เมียร์และเบทบูมจึงต้องเดินทางไปยังป่าลึกที่มีสัตว์ป่าร้างใหม่น้ำมันทราย ที่รักของจอมนรก ซึ่งเป็นศัตรูที่แสนเป็นอันตรายของเขา
เด็ดเดี่ยวในการทำภารกิจ โค้เมียร์และเบทบูมจึงผ่านผ่านอุปสรรคใหญ่ที่มีในป่าลึก และสามารถเอาคืนดาชืาไว้ในคำสั่งของดาชาได้สำเร็จ
หลังจากที่สร้างการวางอวตาร และเบทบูมสามารถรับรู้ถึงความจริงโจรสลัดที่อยู่ข้างในอสูรในจอมนรก ซึ่งก็คือคำตอบของภารกิจของเบทบูมในตอนหน้า
สำเร็จสำหรับเดจฉาของเบทบูมตอนที่สอง เบทบูมได้ทราบความจริงที่ซ่อนอยู่ในอดีตของครอบครัวของเขา และพร้อมที่จะตัดสินใจเดินตามภารกิจต่อไปของเขา
โดยเรื่อง "เดจฉาของเบทบูม" ส่วนตัวเราคือคืยชื่ออะไรสำหรับที่หนังไทยที่ตรึงทุกเรื่องราวในมุ้งมิให้ออกไปดูตาางครตียาง